อายุการใช้งานของผ้าเบรค
ผ้าเบรค (Brake)
เป็นชิ้นส่วนหนึ่งในของระบบเบรคซึ่งเป็นอุปกรณ์ในการสร้างเเรงเสียดทานเข้ากับดิสก์หรือดรัมเบรค
เนื้อวัสดุของดิสก์เบรคหรือดรัมเบรคต้องแข็งแรงเพื่อไม่ให้สึกหรอมากและต้องมีผิวที่ไม่ลื่นมาก
ส่วนผ้าเบรคต้องเป็นวัสดุที่มีเนื้อนิ่มกว่าตัวดิสก์หรือดรัมเบรค เพื่อให้มีแรงเสียดทาานสูงหรือสึกหรอมากกว่า
วัสดุที่ทำผ้าเบรค ในอดีตใช้แร่ใยหิน แอสเบสตอสเป็นวัสดุหลักของผ้าเบรค เมื่อผ้าเบรคสึกจะเป็นผงสีขาวไม่เกาะกระทะล้อแต่สร้างมลพิษในอากาศ ทำลายระบบหายใจของสิ่งมีชีวิต
แต่ในปัจจุบันมีการเปลี่ยนมาใช้ แกรไฟต์คาร์บอนด์แทน เมื่อผ้าเบรคสึกจะมีผงสีดำมเกาะซึ่งดูอาจจะไม่ดีนักดูสกปรก แต่มันไม่ทำลายระบบหายใจต่อสิ่งมีชีวิต
อายุการใช้งานของผ้าเบรค นั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่าง เช่น ชนิดของผ้าเบรค น้ำหนักของรถ
และในรถรุ่นใหม่ๆที่ทันสมัยจะมีไฟเตือนเรื่องของผ้าเบรคอยู่ที่แผงไมล์ (War indicator) หากไฟนี้ขึ้นเตือนก็จะต้องเช็ดในเรื่องของ น้ำมันเบรคว่าน้อยกว่าขีดมั้ย หรือ ผ้าเบรคน้อยกว่า 3 มิลลิเมตรมั้ย
การสังเกตุอาการของเบรคว่าใกล้หมดหรือยัง
1.คือการฟังเสียงว่ามีเสียง เสียดสีที่ล้อเวลาขับหรือไม่
2.ตอนเหยียบเบรคว่า ตอนกดเบรครู้สึกว่ากดลึกกว่าเก่าหรือไม่
3.ดูไฟเตือนระบบเบรคบนหน้าปัด
4.เช็คเรื่องเบรคในสูตร 12/12 คือ
12 แรกคือ 12เดือน (1ปี)
12 สองคือ 12,000 ไมล์ (19312กิโลเมตร)
เมื่อครบกำหนดใดกำหนดหนึ่งเราควรจะเข้าอู่เพื่อเช็คระบบเบรค
การยืดอายุของผ้าเบรค
- ควรตรวจเช็คลมยางอยู่ตลดเวลา
- เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรคทุกๆ 1 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร
- รักษาระดับความเร็วในการขี่และและไม่ควรเบรครุนแรงบ่อยๆ เพื่อรักษาผ้าเบรคให้ยาวนานขึ้น
- เมื่อรถยนต์เปลี่ยนผ้าเบรคมาใหม่จะมีระยะเวลา Bedding-in (เรียกง่ายๆก็รันอินแหละครับ) คือ 200km. แรก คือไม่ควรลงน้ำหนักเบรครุนแรงในระยะเวลานี้ เพราะจะมีโอกาสทำให้จานเบรคเป็นรอยได้และเวลาเบรคจะมีเสียงเสียดสีและประสิทธิภาพในการเบรคลดลง
จึงควรลงน้ำหนักเบรคนุ่มนวลจนกว่าจะพ้นระยะ Bedding-in ก่อน
และคุณควรหมั่นรักษาระบบเบรคและระบบอื่นๆให้มีความปลอดภัยอยู่เสมอ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น